
ศึกพรีเมียร์ลีก นัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดที่สำคัญสำหรับทีมเจ้าบ้านอย่างมาก เพราะต้องการชัยชนะเพื่อเก็บคะแนนเต็ม 3 คะแนน เพื่อถีบอันดับให้กลับไปยังตำแหน่ง TOP 4 อีกครั้ง เนื่องจากในขณะนี้พวกเขาหล่นร่วงลงไปอยู่ในอันดับที่ 6 ตามหลัง อาร์เซนอล ที่ครองตำแหน่ง TOP 4 ในปัจจุบันอยู่ 4 คะแนน (ก่อนแข่ง) สุดท้ายทำได้ดีแค่เพียงเปิดบ้าน เสมอกับ ทีมเยือน แบ่งคะแนนไปคนละแต้ม 1-1 ซึ่งเมื่อจบการแข่งขันทำให้ ทัพปีศาจแดง ยังมีคะแนนห่างจาก ทัพปีนใหญ่ ที่ครอง TOP 4 อยู่ถึง 3 คะแนน และในขณะนี้ ร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 7 เนื่องจากการแข่งขันในเกมล่าสุด ทัพขุนค้อน สามารถเอาชนะ ทัพทอฟฟี่ เก็บ 3 คะแนนเต็ม ดีดขึ้นไปยืนอยู่ในอันดับที่ 5 และ ทัพไก่เดือยทอง รั้งอันดับที่ 6 ตามลำดับ โดย ทัพไก่เดือยทอง มีคิวลงสนามพบกับ ทัพสาลิกาดง ซึ่งถ้าหาก ไก่ชนะสาลิกา จะขึ้นไปอยู่ในอันดับ TOP 4 ทันที ซึ่งทำให้ความหวังของ ทัพปีศาจแดง กับการลุ้นตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นหน้าเลือนรางออกไปทุกที
โดยในเกมเปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดนี้ ทัพเจ้าบ้านขาดผู้เล่นคนสำคัญอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีอาการป่วยหลังจากกลับมาจากการทำศึกช่วยชาติในเกม ฟุตบอลโลก อีกทั้ง เอดิสัน คาวานี่ ก็เจ็บอีกครั้งจากเกม ฟุตบอลโลก เช่นกัน และมีความกดดันในทีมค่อนข้างมาก เนื่องจากพวกเขาจะแพ้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพื่อลุ้นขึ้นสู่อันดับ TOP 4 อีกครั้งให้ได้ โดยฝั่งของ ทีมเยือน นั้น มีความกดดันในการแข่งขันน้อยกว่า ถึงแม้จะอยู่ในอันดับที่ 10 และเกมก่อนพักไปแข่งในศึกทีมชาติ พวกเขายังเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ไป 2-1 อีกด้วย จึงทำให้พวกเขาเล่นได้อย่างสบายกว่า
โดยเกมเปิดฉากด้วยการบุกของ ทีมเยือน ตั้งแต่ในช่วงนาทีที่ 2 โดย เจมส์ แมดดิสัน ส่งบอลโค้งไปหน้าเสาแรกให้กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ โหม่ง แต่บอลดันข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเมื่อในนาทีที่ 10 เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ ส่งบอลดีดเร็วไปให้กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ คนเดิม แต่บอลก็หลุดเสาออกไปก่อนเหมือนกัน นาทีที่ 22 เจ้าบ้านได้จังหวะเอาคืน เมื่อ ลุค ชอว์ หลุดแนวไปรับบอลด้านซ้าย ก่อนตั้งบอลส่งให้กับ ปอล ป็อกบา กระโดดเกร็งคอโหม่ง แต่บอลก็ดันไปตรงกับมือกาวของจิ้งจอก แคสเปอร์ ชไมเคิล พอดิบพอดี
ก่อนที่ในนาทีที่ 27 ปีศาจแดง เกือบได้ประตูขึ้นนำในจังหวะโอกาสทองที่ เวสลีย์ โฟฟาน่า จ่ายบอลพลาดไป หลุดให้กับ เฟร็ด ที่ทุบบอลเร็วส่งไปให้กับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่สามารถหลุดเข้าไปยังเขตโทษ และซัดเต็มที่ แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง ปีศาจแดง เนื่องจาก ชไมเคิล เซฟเอาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเวลาที่เหลือในครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุก แต่ก็ผลัดกันพลาดเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ไม่มีทีมใดที่จะสามารถทำประตูขึ้นนำได้ในช่วงครึ่งแรกนี้ จบเกมไปด้วยการเสมอ 0-0

ต่อมาในช่วงครึ่งหลัง เกมของทั้งสองฝั่งเริ่มน่าตื่นเต้น และทำให้แฟนบอลเสียวได้มากขึ้น ต่างกับในช่วงครึ่งแรกอย่างเห้นได้ชัด จนเมื่อในนาทีที่ 63 เลสเตอร์ ซิตี้ ก็คว้าประตูขึ้นนำไปก่อน ในจังหวะที่ แมดดิสัน พาบอลมาตามริมแนวซ้าย เข้าเขตโทษส่งบอลไกลให้กับ อิเฮียนาโช่ กระโดดโขกเต็มแรง บอลติดแค่ปลายมือของ ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไปอย่างสวยงาม 0-1 กองเชียร์ทีมเยือนพากันเฮลั่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แต่ทีมเจ้าบ้านไม่ปล่อยให้ แฟนบอลเรดอาร์มี่ เสียหน้านาน ในนาทีที่ 66 ทัพปีศาจแดงบุกตีเสมอได้ 1-1 ชไมเคิล รับบอลมาจากเพื่อนก่อนซัดไกล แต่ดันเป็นจังหวะโอละพ่อ ราฟาเอล วาราน เก็บบอลไปได้ ส่งบอลสวนขึ้นมาให้กับ เฟร็ด เจ้าตัวไม่รอช้าส่งต่อให้กับ บรูโน่ มิดฟิลด์ตัวเทพไม่ทำให้เสียชื่อ หาช่องเข้าไปยังเขตโทษก่อนซัดเต็มเหนี่ยว ชไมเคิล ปัดพลาดบอลไหลกลับไปหา เฟร็ด ที่รออยู่ทางซ้าย ซึ่งก็ไม่พลาด เฟร็ด จ่อยิงซ้ำหน้าประตูไปได้อย่างสวยงาม

ซึ่งเกมก็กลับมาสนุกอีกครั้ง หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างได้ประตู แต่ก็ยังคงสภาพเดิมคือ ผลัดกันพลาดไปมา จนในนาทีที่ 80 เลสเตอร์ ได้เฮอีกครั้ง จากจังหวะที่ยื้อแย่งบอลหน้าเขตโทษของเจ้าบ้าน วาราน แย่งบอลจนล้ม แม็กไกวร์ กัปตันทีมปรี่เข้ามาช่วย แต่ก็พลาดล้มไปอีกคน อิเฮียนาโช่ ได้โอกาสเขี่ยบอลออกมาจากวง จ่ายขวาไปยัง แมดดิสัน จ่อยิงใกล้ จังหวะชุลมุน เด เคอา ไม่ทันระวังพุ่งไปปัดไม่ทัน เข้าประตูไปอย่างสุดสวย แต่แล้ว นักเตะจากทัพปีศาจแดง พยายามประท้วง อังเดร มาร์ริเนอร์ กรรมการในสนาม ว่าควรเป็นการทำฟาวล์ ราฟาเอล วาราน ไม่ควรให้เป็นประตู ก่อนที่ภาพจากห้อง VAR จะส่งมาแล้วพบว่า เป็นการทำฟาวล์ของ อิเฮียนาโช่ ที่เกี่ยวขา วาราน ให้ล้มไปจริงๆโดยที่ไม่โดนบอล จึงริบคะแนนกลับไปเสมอกัน 1-1 เหมือนเดิม
ก่อนจะจบเกมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมเหย้า เกือบได้ประตูขึ้นคว้าชัยในนัดนี้ โดยเป็นจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในช่วงครึ่งหลัง พาบอลไปยังหน้าเขตโทษตั้งใจจะเล่นเอง จังหวะเข้าใจผิด อีแลงก้า เข้าไปช่วยเพราะบอลไปทางเขา แต่เขาอยู่ในจุดที่ล้ำหน้า ทั้ง แรชฟอร์ด และ อีแลงก้า พากันล้ม สุดท้ายยิงพลาดทั้งคู่ ซึ่งจบเกมไปด้วยสกอร์ที่เสมอกัน 1-1 โดยเมื่อจบเกม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ ทัพจิ้งจอกสยาม ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมกับสื่อ ให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยพอใจในคำตัดสินหลายช่วงของกรรมการในสนาม โดยเขากล่าวว่า
“ ผมมองว่าเกมนี้เราเล่นได้ดีเลยทีเดียว เรามีโอกาสมากในช่วงครึ่งหลัง แต่ผู้รักษาประตูของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็แข็งแกร่งมาก และผมมองว่าจริงๆประตูที่ 2 ของเรา เราควรจะได้มันด้วยซ้ำ ผมมองว่า วาราน เขาถูกปะทะและล้มลงไป เพราะเขามีประสบการณ์รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงในจังหวะแบบนี้ ทั้งที่เขามีโอกาสเคลียร์บอลทิ้งออกไปได้ แต่เขาไม่ทำและล้ม เราสมควรได้ประตูและนัดนี้เราสมควรที่จะชนะมากๆ ”
ทางด้านของผู้ที่ทำประตูและโดนริบคืนอย่าง เจมส์ แมดดิสัน ของทัพจิ้งจอกสยาม ได้กล่าวเปิดใจหลังเกมว่า เขาไม่พอใจคำตัดสินของกรรมการเช่นกัน และมองว่าประตูนั้น พวกเขาควรได้ประตูและชนะในเกมนี้ โดย แมดดิสัน กล่าวว่า
“ ผมมั่นใจเลยว่ากรรมการตัดสินในสนามลำเอียง บางครั้งเขาก็ให้เป็นประตู บางจังหวะกลับบอกว่าไม่ แต่ผมยืนยันว่าจังหวะนั้นมันไม่ใช่การทำฟาวล์เลย ตอนที่ผมเห็น วาราน ล้มลง ผมนึกว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อกรรมการเดินไปยังมอนิเตอร์ ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และในตอนนั้นที่ผมกำลังฉลองกับแฟนๆของเรา เขากลับทำลายปาร์ตี้ของผมลงไปไม่มีชิ้นดี
และในเกมนี้ ผมมองว่าพวกเราเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ซึ่งเราผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้ 3 แต้มกลับไป เราน่าจะได้อะไรจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับไปมากกว่านี้ เพราะผมรู้สึกว่า เกมนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้ดี แม้พวกเขาจะได้รับการกระตุ้นจากแฟนบอลของพวกเขาทั้ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ตาม แต่ผมว่า พวกเราเล่นได้ดีกว่ามากๆเลยทีเดียว ”
